06 มกราคม 2554

โชกุนเที่ยวปีใหม่ 2554 ที่ จ.กาญจนบุรี

สาเหตุที่ได้ชื่อว่าถ้ำมังกรทองก็เนื่องจากมีถ้ำขนาดเล็กอยู่บนยอดเขาที่ราวบันไดทั้ง 2 ข้าง สร้างขึ้นไว้เป็นรูปมังกรสองตัวขนาดใหญ่ขนานกันไปจนสุดทางที่ปากถ้ำ บันไดมีทั้งหมด 95 ขั้น



ก่อนมุดถ้ำ มีลังเล
อุนจะไหวไหมเนี่ย แม่

เอ้า มุดก้อ มุด มันแคบ มากอ่ะ แถมพื้นก้อเป็นก้อน อิฐ ก้อนเหินเต็มไปหมดเย้ย
ทางขึ้นปากถ้ำ โหดสุดต้องปีนบันไดขึ้น โชอุนชั่งใจสงสัยว่าจะไม่ไหว สุดท้ายต้องให้ปะป๊า อุ้มขึ้นไป
ลงมาแล้วครับ พร้อมลุงสอน อย่าเข้าใจว่าปะป๊าอุนนะเพราะหุ่นเดียวกันเย้ย อิอิ
แล้วก็ไปแวะที่น้ำตกไทรโยกน้อย ซึ่งที่นี่มีร้านอาหารอร่อย ชื่อว่าร้านเรณู เยื้องน้ำตกไทรโยคน้อย อาหารที่น้องโชกุนขอแนะนำเป็นพิเศษ สำหรับเมนูเด็กๆ คือ เต้าหู้ทรงเครื่อง ซึ่งไม่เหมือนที่อื่นๆที่เคยทานมา เพราะที่นี้ มาเป็นหม้อไฟ เจ้าของร้านบอกว่าเป็นทรงเครื่องน้ำแดง มีเนื้อกุ้ง ปลาหมึก เต้าหู้ไข่ เห็ด รสชาติเหมาะกับเด็กๆ เพราะมีน้ำซุปร้อนๆ ทำให้คล่องคอขึ้น
ตรงทางขึ้นน้ำตก มีทางรถไฟ+รถไฟ ที่จอดให้เด็กอย่างโชอุนได้ถ่ายรูป


จากนั้นเราขับอีกไป ประมาณ 8 กิโล ก็ถึงท่าเรือรีโซเทล เรานั่งเรือจากจุดนี้ไปประมาณ 15 นาที

สองฝั่งเป็นวิว ภูเขา และ แม่น้ำล้อมรอบ
ถึงแล้ว แพรับลูกค้าของโรงแรม ข้างๆ แพ เป็นแพเตียงนอนอาบแดด แต่อุนแค่นี้ก้อดำแว๊วผมคงไม่ได้ไปนอน อ่ะครับ
พอมาถึง เราก้อเข้าเช็คอินที่ ริเวอร์แคว รีโซเทล (กาญจนบุรี)

ห้องพักของเราเป็นบ้านแฝด คู่กัน ตกแต่งแบบบาหลี คล้ายๆ กับโรงแรม รามายาณะที่เกาะช้าง
เข้าไป อุนก้อทำท่าลั่นลา ดู เค้าทำ ......
เปิดเข้าไปห้องน้ำ แยกเป็นสัดส่วน หมด มีประตู กั้น ระหว่าง ห้องอาบน้ำ ห้องสุขา อ่างล้างหน้า
เดินออกไปดูภานนอก รีสอร์ต ตรงบริเวณติดริมแม่น้ำมี ชิงช้าให้นั่งพักผ่อน
หรือว่าจะเดินขึ้นไป เพื่อถ่ายรูป ก้อจะเห็นวิวในมุมที่กว้างขึ้น
ขึ้นไปแล้วก้อถ่ายรูปสัก 1 แช๊ะ ขึ้นไปแล้วก้อถ่ายรูปสัก 1 แช๊ะ
ตอนกลางคืน เรามี ร่วมงาน GALA DINNER ของโรงแรม
มีการแสดงระบำมอญให้ชมด้วย การแสดงมีให้ชมประมาณ ครึ่งชั่งโมง

พี่สาว สวยๆ กันทั้งน๊านนน
ถูกใจโชอุน ที่สุด เอิ๊กๆๆ
โปรยยย เสน่ห์เผื่อมีสาวมอญติดในกลับ กรุงเทพ กับอุนมั้ง
ดูไป ดูมา เริ่มมีอาการแบบนี้
เล่นกอดรัด ฟัดเหวี่ยง กับลุงศรแก้ง่วง
เริ่มโดน แกล้งเอาลูกโป่งมาผูกกับหางพี่ลิงแบบนี้ แต่นั่งได้ไม่ถึง เที่ยวคืนที่เค้าจะ เค้าดาวน์และมีการจุดพลุ ปล่อยโคมลอย เพราะเจ้าโชกุนง่วงซะก่อน เลยต้องปล่อยให้ปะป๊า กับเพื่อนๆ เค้าดาวน์กันไป
ตื่นมาตอนเช้า พวกเรา ทานอาหารเช้า แต่ไม่ได้ถ่ายมาให้ดูนะครับ ไลด์อาหารน้อย ถ้าเทียบกับโรงแรมอื่นๆที่โชกุนไปมา เน้นไปทางรสชาติจืดตามสไตด์แขกชาวต่างชาติ เดินย่อยทางด้วยเท้า จากโรงแรมไป ประมาณ 500 เมตร ไปที่เที่ยวที่ถ้ำละว้า

ถ้ำละว้า เป็นถ้ำที่สวยที่สุดในย่านนี้ มีเก็บค่าเข้า ผู้ใหญ่ 40 บาท แต่ผู้สูงอายุและเด็ก ฟรี ฟรี
การเดินทางเข้าถ้ำไม่ลำบากเหมือนกันถ้ำวัดมังกรทอง ทางขึ้นลงไมชัน มีบันได +ไฟ ส่อง ไปตลอดทาง
เดินลงไป ปากทางดูแคบแต่ภายในกว้างมาก ห้องแรกก้อจะเป็นห้องนี้เลย...
ภายในถ้ำจะแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องหนุมาน ห้องท้องพระโรง ห้อดนตรี แต่ละห้องมีความงดงามของห้องงอกหินย้อย แตกต่างกันไป
ห้องสุดท้ายเป็นห้องที่ใหญ่สุด ช่วงกลับต้องเดินวนกลับไปเพราะที่นี้ทางเข้า ออกใช้ทางเดียวกัน
ออกจากโรงแรม ดูเค้า ทำท่า โสกาจาบรรณ (จริงๆคือลูกโป่งเมื่อคืนเอามาด้วยแต่มันแตก พี่แกเลยเสียใจ ม๊ากกกกกกก)

มุ่งหน้าไปที่ อ.สังขละบุรี เป็นอำเภอที่ติดต่อกับชายแดนพม่า มีชาวมอญอาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นจำนวนมาก ตัวอำเภอตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า "สามประสบ" คือบริเวณที่ลำน้ำสามสาย อันได้แก่ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบิคลี่ และห้วยรันตี ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ที่พักของเราคือสามประสบรีสอร์ต ห้องพักเป็น หลังเล็กๆ 4 หลัง Honeymoon villa ริมแม่น้ำ มี จำนวน 4 ห้อง 4 สี (ฟ้า เขียว ชมพู และเหลือง)
ขอบอกว่า รีสอร์ตนี้น่าจะเป็นที่ที่เห็นวิว สะพานมอญ วิวที่ดีที่สุดของ สำหรับท่านที่ต้องการมาพักที่ สังขละบุรี (ถ่ายจากที่พัก)

จุดเด่นของ ห้องพักคงจะเป็นเจ้านี่ ที่สีตาม สีห้อง ซึ่งน้องโชกุนเลือก มีสีฟ้า ส่วน สีเขียว สีชมพู และสีเหลือง จะเป็นห้องของเพื่อนปะป๊า

ถ่ายมาให้ดูแค่ 2 สีพอนะครับ
ตียงนอน ผ้าม่าน โต๊ะรับแขก ก็จะตกแต่งตามสีของห้อง
มาดู อุลตร้าแมนแปลงร่างบนสะพานกัน 555
ผมจะเหาะแล้วคร๊าบบบบ
สะพานมอญ ที่เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาวถึง 442 เมตร สามารถข้าม ระหว่าง ฝั่ง อ.สังขละ และฝั่งหมู่บ้านชาวมอญ

กลัวเค้าไม่รู้ว่าเราเป็นแม่ ลูก ก๊านนน
เดินตอนเช้า เช้า อากาศมันสดชื่นจริงๆนะแม่
ดูชุดที่ใส่ก้อรู้ว่ามัน หนาววว แค่ไหน
ปะป๊าชวนลูกชาย ทำบุญ ตักบาตร ที่สะพานมอญ
โชอุน ใส่บาตรเอง เลยคร๊าบบบ

เช็คเอ้าท์ จากโรงแรม ชม เจดีย์แบบพุทธคยามีลักษณะฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร
วัดวังก์วิเวการาม อยู่เลยจากตัวอำเภอสังขละบุรีไปประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นวัดจำพรรษาของ “หลวงพ่ออุตตมะ”
ขากลับ แวะเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) อ.ทองผาภูมิ ตรงป้ายเขื่อน ต้องระวังนิดนุงเพราะมีเจ้าจ๋อ (ตัวจริง) ฝูงใหญ่มากน่าจะประมาณ 30 ตัวได้ ดู ดช.โชกุน เกาะขนาดนี้เพราะกลัวเจ้าจ๋อ นั้นเอง
เจอเสาหลักกิโล มันใหญ่โตมโหฬาร ดีจิง เลยต้องขอเลี้ยวไปถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนกลับ

จบการเที่ยวทริป สังขละบุรี ของโชกุนเท่นี้นะครับ เจอกันทริปหน้าครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น